การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพของผู้สูงอายุ แต่ปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย คือ อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) ซึ่งทำให้ต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำหลายครั้ง ส่งผลให้พักผ่อนไม่เพียงพอ รู้สึกอ่อนเพลีย และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย โรคประจำตัวบางอย่าง รวมถึงพฤติกรรมการดื่มน้ำและการกินอาหารก่อนนอน
ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนคืออะไร?
ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน หรือที่เรียกว่า Nocturia เป็นภาวะที่ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำหลายครั้งในช่วงกลางคืน ซึ่งแตกต่างจากการปัสสาวะปกติในเวลากลางวัน อาการนี้มักพบในผู้สูงอายุและส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ หากเกิดขึ้นบ่อยอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ รู้สึกอ่อนเพลียระหว่างวัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ภาวะสมองล้า หรือแม้แต่การหกล้มในเวลากลางคืน
โดยปกติร่างกายจะผลิตปัสสาวะน้อยลงในช่วงกลางคืนเพื่อให้สามารถนอนหลับได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในบางกรณี ไตอาจผลิตปัสสาวะมากขึ้น หรือกระเพาะปัสสาวะอาจมีความไวต่อการบีบตัว ส่งผลให้ต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น โรคประจำตัว พฤติกรรมการดื่มน้ำ หรือการใช้ยาบางชนิด
สาเหตุของอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
ภาวะปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) ในผู้สูงอายุสามารถเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย โรคประจำตัว หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยสามารถแบ่งสาเหตุออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงตามวัย
เมื่ออายุมากขึ้น ไตจะผลิตปัสสาวะมากขึ้นในช่วงกลางคืน ทำให้ต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อย
กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง ความสามารถในการกักเก็บปัสสาวะลดลง
ฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการผลิตปัสสาวะ (Antidiuretic Hormone - ADH) ลดลง ทำให้ร่างกายขับปัสสาวะมากขึ้น
2. โรคและภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
โรคเบาหวาน : ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากขึ้น
โรคไตเรื้อรัง : ไตอาจไม่สามารถควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายได้ดี
ภาวะหัวใจล้มเหลว : มีการคั่งของของเหลวในร่างกาย ทำให้ต้องปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน
ต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย) : กดทับท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไม่สุดและต้องเข้าห้องน้ำบ่อย
ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder - OAB) : ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยแม้กระเพาะปัสสาวะยังไม่เต็ม
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : มีผลต่อการทำงานของไตและการผลิตปัสสาวะ
3. พฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาหารการกิน
การดื่มน้ำมากเกินไปก่อนนอน โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
การใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ที่ใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงหรือภาวะบวมน้ำ
การกินอาหารที่มีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายต้องขับน้ำออกมากขึ้น
4. ปัจจัยอื่น ๆ
ความเครียดหรือภาวะวิตกกังวล อาจส่งผลต่อระบบประสาทและทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
ภาวะบวมน้ำที่ขา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่นั่งหรือนอนนาน ๆ ทำให้เมื่อเอนตัวลงนอนของเหลวถูกขับออกในรูปของปัสสาวะ
สาเหตุแบบไหนที่ควรพบแพทย์?
หากอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเกิดขึ้นต่อเนื่องจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะขัด มีเลือดปน ปวดหลัง น้ำหนักลดผิดปกติ หรืออ่อนเพลียมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

วิธีรับมือกับอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
1. ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำและอาหาร
จำกัดการดื่มน้ำก่อนนอน โดยควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน และลดปริมาณน้ำก่อนเข้านอนประมาณ 2-3 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ลดอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารเค็ม เพราะโซเดียมทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและต้องขับออกทางปัสสาวะ
หลีกเลี่ยงของเหลวที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เช่น น้ำมะพร้าว น้ำแตงโม และน้ำผลไม้บางชนิด
2. ฝึกพฤติกรรมในการขับถ่าย
เข้าห้องน้ำก่อนเข้านอน ให้เป็นนิสัยเพื่อลดความจำเป็นในการตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน
ฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise) เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อควบคุมการปัสสาวะ
ฝึกกลั้นปัสสาวะเป็นช่วง ๆ โดยค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาเพื่อช่วยให้กระเพาะปัสสาวะสามารถกักเก็บปัสสาวะได้นานขึ้น
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน
จัดท่านอนที่เหมาะสม หากมีภาวะบวมน้ำที่ขา ลองยกขาให้สูงขึ้นระหว่างวัน เพื่อลดการสะสมของของเหลวที่อาจถูกขับออกตอนกลางคืน
นอนในห้องที่มืดและเงียบ เพื่อลดการตื่นตัวง่าย หากต้องเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ควรมีไฟสลัว ๆ เพื่อลดการกระตุ้นสมองให้นอนหลับต่อได้ง่าย
หลีกเลี่ยงการใช้มือถือหรือดูโทรทัศน์ก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออาจรบกวนการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับสนิท
4. ควบคุมโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง
หากมีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะไตเสื่อม ควรดูแลสุขภาพให้ดีเพื่อลดปัจจัยที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย
ปรึกษาแพทย์หากต้องใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) อาจมีการปรับเวลาใช้ยาเป็นช่วงเช้าแทนช่วงเย็น
5. พบแพทย์หากอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง
หากมีอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนร่วมกับ ปัสสาวะขัด ปวดท้องน้อย มีเลือดปน หรืออ่อนเพลียมากผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น
ตรวจหาภาวะต่อมลูกหมากโต (ในผู้ชาย)
ตรวจหาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder - OAB)
ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อดูว่ามีภาวะ เบาหวาน หรือไม่
สรุป
อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนในผู้สูงอายุอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย โรคประจำตัว และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้น การปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้และทำให้การนอนหลับของผู้สูงอายุดีขึ้น แต่ถ้าหากอาการยังรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมต่อไป
"ศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ พร้อมดูแลด้วยจุดมุ่งหมายให้ผู้เข้ารับบริการกลับไปใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงปกติให้ได้มากที่สุด"

Century Care Center ยินดีให้คำปรึกษา
โทร : 095-713-2222
Line : @ccnh
Facebook : www.facebook.com/CenturyCareCenter
Instagram : www.instagram.com/centurycare.center
Tiktok : www.tiktok.com/@centurycarecenter
Comments